สำหรับนักเทรดที่ต้องการลงทุนกับตลาดต่างประเทศ หุ้นดาวโจนส์เป็นดัชนีหุ้นที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนเพราะเป็นดัชนีที่ติดตามหุ้นตัวใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลองลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือต้องการศึกษาเพื่อวิเคราะห์ Fund flow ดัชนีดาวโจนส์ก็เป็นดัชนีที่น่าสนใจ หลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อดัชนีดังกล่าวมาบ้างแล้วแต่อาจจะยังไม่ทราบประวัติ ความเป็นมา ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ซึ่งบทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นเพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาดัชนีหุ้นดังกล่าว
หุ้นดาวโจนส์ คืออะไร ?
หุ้นดาวโจนส์หรือดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ภาษาอังกฤษคือ The Dow Jones Industrial Average (DJIA) ดัชนีที่ตามติดหุ้นหุ้นบลูชิพจำนวน 30 ตัวที่อยู่บนกระดาน New York (NYSE) และตลาดหุ้น Nasdaq โดยจะมาจากหลากหลายธุรกิจชั้นนำในตลาดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มธุรกิจการเงิน
หุ้นดาวโจนส์เป็นดัชนีที่เก่าแก่เป็นอันดับที่สองของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา คำนวณครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1896 หุ้นที่จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มดัชนีดังกล่าวจะถูกคำนวณโดย Wall Street Journal และ Dow Jones & Company ด้วยข้อกำหนดกฏเกณฑ์ที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงของหุ้นที่จะมาอยู่ในดัชนี Dow Jones จึงทำให้หุ้นที่อยู่ในดัชนีดังกล่าวสามารถบอกภาพรวมของตลาดและเป็นเครื่องบ่งชี้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาได้เป็นอย่างดี
เมื่อหุ้นดาวโจนส์เป็นหนึ่งในดัชนีที่สามารถใช้วิเคราะห์สถานการณ์และภาพรวมของตลาดสหรัฐอเมริกาได้ ทำให้นอกจากจะเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ที่สามารถใช้เก็งกำไรได้โดยตรงแล้ว นักลงทุนยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ fund flow ของตลาดการลงทุนได้ เช่น เมื่อดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวต่ำลง ก็หมายความว่า fund flow กำลังไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ค่าเงินหรือกระทั่งหุ้นของประเทศอื่นๆ เป็นต้น หุ้นคืออะไร?

หุ้นต่างๆ ที่อยู่ในดัชนีดาวโจนส์
แม้หลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนีดาวโจนส์จะถูกพิจารณาใหม่อยู่เสมอ แต่ก็มักจะไม่ค่อยมีรายการการเปลี่ยนแปลงบ่อยเท่าไหร่นัก หุ้นแบบไหนบ้างที่ถูกรวมอยู่ในดัชนีดาวโจนส์ ทางเราได้ยกหุ้น 5 ตัวแรกที่อยู่ในดัชนีดาวโจนส์มาให้ มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
3M Company (MMM)
บริษัท 3M เป็นบริษัทที่มีความเก่าแก่ ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1902 และถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่ใช่วัฏจักร (Consumer Non-Cyclicals)
แรกเริ่ม 3M เป็นบริษัทเหมืองแร่เล็กๆ ในรัฐมินนิโซตา มีการประกอบธุรกิจทั้งในด้านการผลิตและการตลาดให้สินค้าและบริการต่างๆ โดยหลักๆ แล้วธุรกิจของ 3M จะแบ่งเป็น 4 กลุ่มด้วยกันคือด้านความปลอดภัยและอุตสาหกรรม ด้านการคมนาคมและอิเล็กทรอนิกส์ ด้านการดูแลสุขภาพและด้านสินค้าอุปโภคบริโภค โดย 3M นั้นมีมูลค่าตลาดถึง 114 พันล้านดอลลาร์
American Express Company (AXP)
American Express เป็นบริษัทที่ให้บริการการบูรณาการทางด้านการเงิน โดยบริการของ American Express Company ที่เราคุ้นกันดีก็คือบริการบัตรเครดิตซึ่งให้บริการมาแล้วกว่า 60 ปี เป็นบัตรเครดิตที่เก่าแก่ที่สุดบัตรหนึ่งของโลก แต่จริงๆ แล้ว American Express เริ่มต้นการทำธุรกิจแรกก็คือการออกเช็คสำหรับการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องถือเงินสดจำนวนมากเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพียงแค่ถือเช็คเพียงใบเดียวก็นำไปขึ้นเงินกับธนาคารที่ปลายทางได้อย่างสะดวกและจึงพัฒนามาเป็นการให้บริการบัตรเครดิตในภายหลัง โดย American Express นั้นมีมูลค่าตลาดกว่า 132.4 พันล้านดอลลาร์ โดยรายได้หลักมาจากดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ
Amgen Inc (AMGN)
Amgen Inc เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพขั้นนำของโลก เริ่มตั้งแต่ปี 1980 ทางบริษัทมุ่งเน้นไปที่การพัฒนายาเพื่อรักษาเยียวยาผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง โรคกระดูก โรคระบบหลอดเลือดและโรคหัวใจ โดยทาง Amgen มีสาขาใหญ่อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากนั้นยังมีสาขาอื่นๆ กระจายอยู่กว่า 75 ประเทศทั่วโลก มีมูลค่าตลาดกว่า 120 พันล้านดอลลาร์

Apple Inc (AAPL)
Apple Inc หุ้นที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางไม่ใช่เพียงแค่ในแวดวงนักลงทุนเท่านั้น Apple Inc เป็นหุ้นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในฐานะบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์รายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก แรกเริ่มเดิมที Apple Inc ถูกก่อตั้งโดย Steven Wozniak, Steven Jobs และ Ronald Wayne เพื่อจำหน่ายคอมพิวเตอร์ระบบส่วนบุคคล หลังจากล้มลุกคลุกคลานในการออกสินค้าคอมพิวเตอร์มาหลายรุ่น ทาง Apple Inc ก็ประสบความสำเร็จกับคอมพิวเตอร์ Macintosh ปัจจุบัน Apple Inc ก็ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างคอมพิวเตอร์ MacBook, สมาร์ทโฟน Iphone และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์อื่นๆ อีกมากมายและมีมูลค่าตลาดกว่าล้านล้านดอลลาร์
Boeing Co (BA)
บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ โดยมีลูกค้าทั่วโลกและเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินที่มีรายได้มากที่สุดในโลก ก่อตั้งมากว่า 100 ปี ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1916 ในฐานะบริษัทไม้และต่อเรือ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นธุรกิจด้านการบินในภายหลัง ซึ่งเกิดจากความหลงใหลของผู้ก่อตั้งอย่าง Bill Boeing ปัจจุบัน Boeing Co เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานอันดับต้นๆ ของโลก มีคู่แข่งหลักก็คือ Airbus ของทางยุโรปเท่านั้น ซึ่งทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกนี้ต่างก็เป็น strategic partner หรือพันธมิตรทางกลยุทธ์กันอีกด้วย
หุ้นดังกล่าวเป็นเพียงแค่บางส่วนจากหุ้นจำนวน 30 ตัวที่อยู่ในดัชนีดาวโจนส์เท่านั้น เราอาจจะเห็นภาพแล้วว่าหุ้นที่จะสามารถอยู่ในดัชนีดังกล่าวได้จะต้องเป็นหุ้นของธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เหมือนกับยักษ์ใหญ่ที่คอยอุ้มประเทศเอาไว้นั่นเอง หากนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะยังเป็นผู้นำของโลกต่อไป การลงทุนทั้งในดัชนีดดาวโจนส์และหุ้นรายตัวที่อยู่ในดัชนีก็น่าสนใจไม่แพ้กัน