วิธีเทรดหุ้นเคล็ดลับสำหรับมือใหม่ที่อยากเทรดหุ้น มือใหม่ที่อยากศึกษาการเล่นหุ้นและการลงทุนในคลาดหุ้นที่ไม่ยาก ขอเพียงแค่มีระเบียบวินัยในการลงทุน
สำหรับมือใหม่แล้ว การเทรดหุ้นก็เหมือนดินแดนสนทยาเพราะมีเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้เยอะแยะไปหมด จะต้องฝึกฝนตัวเองทั้งในส่วนของความรู้ทางเทคนิคและความมั่นคงแข็งแกร่งของจิตใจ แต่จริงๆ แล้วการเทรดหุ้นนั้นมีรูปแบบที่หลากหลายและบางรูปแบบก็ไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็สามารถทำตามได้ ขอเพียงแค่มีจิตใจมั่นคงและระเบียบวินัยที่จะทำตามแผนการลงทุนของตัวเองที่วางเอาไว้
วิธีเทรดหุ้น ขั้นตอนแรกของการเป็นนักลงทุน สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้
ขั้นแรกของการเริ่มลงทุนสำหรับมือใหม่ไม่ใช่การเดินหน้าลงทุนในหุ้นตัวที่เข้าตาทันที แต่เป็นการเรียนรู้และเข้าใจตัวตนของตัวเองต่างหากว่าเป็นนักลงทุนแบบไหน ในโลกของตลาดหุ้น จิตใจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หากเลือกใช้แผนการลงทุนที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ก็เท่ากับกำลังฝืนธรรมชาติจิตใจของตัวเอง
ก่อนจะรู้จักจิตใจตัวเอง ควรจะต้องทำการสำรวจจิตใจตัวเองเสียก่อนว่ายอมรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าต้องการรายได้จากการลงทุนมากแค่ไหน เพราะทุกครั้งที่ลงทุนจะต้องมีความเสี่ยงตามมาเสมอไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่นหากคุณสำรวจตัวเองและพบว่าตัวเองไม่ชอบความเสี่ยงเลย การลงทุนที่เหมาะก็อาจจะต้องเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงระดับต่ำอย่าง ทองคำหรือหุ้นขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนั้นหากเลือกการลงทุนประเทศนี้ อาจจะต้องทำใจยอมรับผลตอบแทนที่อาจจะไม่มากตามไปด้วยเมื่อเทียบกับเงินลงทุน เพราะธุรกิจของหุ้นดังกล่าวมักจะผ่านการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาแล้วและทำได้เพียงเติบโตไปเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ในทางกลับกัน หากนักลงทุนเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง ก็อาจจะเหมาะกับการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่อาจจะมีความสามารถในการเติบโตสูงและมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนจนเลิกกิจการได้สูงพอๆ กัน

เลือกบัญชีเล่นหุ้นที่เหมาะกับมือใหม่เริ่มหัดเทรดหุ้น
สำหรับมือใหม่ที่เริ่มเทรดหุ้น จำเป็นต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์เสียก่อน บัญชีหลักทรัพย์ที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นหับโบรกเกอร์จะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันหลักๆ
- บัญชีวางเงินล่วงหน้า (Cash Balance)
บัญชีชนิดนี้จะเหมาะกับมือใหม่ที่สุดเพราะนักลงทุนจะสามารถลงทุนได้ในจำนวนเงินที่เทียบเท่ากับเงินที่ใส่เอาไว้ในบัญชีแบบวางเงินล่วงหน้าเท่านั้น หากต้องการซื้อเพิ่มก็ต้องเติมเงินเข้าไปในบัญชีใหม่ เงินจะเข้าไปในบัญชีประมาณ 2-3 วันหลังจากที่ทำการเติมเงินเข้าไป เช่นเดียวกับการขายหุ้น เงินก็จะเข้ามาในบัญชี 2 – 3 วันหลังจากที่ทำการขายหุ้น
- บัญชีเงินสด (Cash Account)
สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดบัญชีเทรดหุ้นประเภทนี้ จะต้องดำเนินส่งเอกสารทางการเงินเพื่อขอวงเงินจากทางโบรกเกอร์เสียก่อน นอกจากนั้น เจ้าของบัญชีจะต้องวางเงิน 20% ของวงเงินที่ได้รับการอนุมัติไว้ในบัญชีก่อนทำการซื้อขายหุ้น หลังจากนั้น หลังจากทำการซื้อขายแล้ว เจ้าของบัญชีจะต้องเติมเงินเท่าจำนวนที่ซื้อขายหุ้นจริง + VAT เข้าในบัญชีภายใน 2 – 3 วันหลังจากที่ทำการซื้อขาย ซึ่งบางคนอาจจะเลือกใช้วิธีการใช้วิธีตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (ATS) ซึ่งจะช่วยให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น
- บัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) หรือ บัญชีมาร์จิ้น
สำหรับบัญชีประเภทนี้ก็คือการยืมเงินโบรกเกอร์มาเล่นหุ้นนั่นเอง ซึ่งเงินที่ยืมมาจะมีดอกเบี้ยเรียกเก็บจากเจ้าของบัญชีด้วย บัญชีประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญแล้ว เจ้าของบัญชีจะต้องฝากเงินเข้าบัญชีเป็นเงินประกันตาม Initial Margin Rate (IM) ที่กำหนดไว้ ซึ่งจะแตกต่างกันตามหุ้นแต่ละประเภท แต่ละรายการอีกด้วย

มือใหม่ลงมือเทรดหุ้น เลือกโบรกเกอร์ที่ไม่มีค่านายหน้าขั้นต่ำต่อวัน
หลังจากที่ค้นพบตัวเองจนเจอแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการลงมือเทรดหุ้น ในการซื้อขายหุ้นจะมีค่านายหน้าที่ผู้ซื้อหุ้นจำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเติมจากการซื้อหุ้นให้กับทางโบรกเกอร์ทุกครั้งที่มีการซื้อขาย โดยปกติแล้วค่านายหน้าก็จะมีหลายเรท แล้วแต่ว่าทำการซื้อหุ้นผ่านทางเจ้าหน้าที่โบรกเกอร์หรือซื้อผ่านออนไลน์ (แน่นอนว่าซื้อผ่านเจ้าหน้าที่จะแพงกว่าซื้อออนไลน์ ซึ่งสำหรับการซื้อหุ้นผ่านทางช่องทางออนไลน์ก็มักจะมีเรทที่แตกต่างกันในแต่ละประเภทบัญชีอีกเช่นเดียวกัน)
ปกติแล้วโบรกเกอร์จะมีการกำหนดค่านายหน้าขั้นต่ำ ยกตัวอย่างเช่น หากโบรกเกอร์มีการกำหนดค่านายหน้าขั้นต่ำเอาไว้ที่ 50 บาท แต่ค่านายหน้าในการซื้อขายหุ้นตามจริงในครั้งนั้นๆ ไม่ถึงขั้นต่ำตามที่กำหนด ทางโบรกเกอร์จะคิดค่านายหน้าที่ 50 บาท แต่หากการซื้อขายหุ้นมีค่านายหน้ามากกว่า 50 บาท ทางโบรกเกอร์ก็จะคิดค่านายหน้าตามจริง คำนวณตามเรทค่านายหน้าของโบรกเกอร์นั้นๆ
สำหรับมือใหม่ที่เริ่มซื้อหุ้นในมูลค่าที่ไม่สูงมาก ควรจะเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่คิดค่านายหน้าหรือค่า Commission ขั้นต่ำต่อวัน โดยคิดค่านายหน้าตามจริงเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันก็จะมีโบรกเกอร์ที่ใช้กลยุทธิ์ดังกล่าวในการทำการตลาด เช่น บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง (BLS) และ บริษัทหลักทรัพย์เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ (SBITO) เป็นต้น
อีกหนึ่งคำถามที่นักลงทุนหน้าใหม่รอคอยคือ “เราควรจะซื้อหุ้นตัวไหนดี” คำตอบก็คืออาจจะต้องย้อนกลับไปที่ตอนทำการสำรวจตัวเองว่านักลงทุนเองยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากยอมรับได้น้อย ก็อาจจะเลือกลงทุนจากหุ้นที่อยู่ในรายการดัชนี SET50 ซึ่งจะมีความปลอดภัยสูง แต่สำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง ก็อาจจะบริหารพอร์ตลงทุนโดยการเลือกลงทุนหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอื่นๆ เช่น mai และ sSET เป็นต้น หุ้นดาวโจนส์คืออะไร?